วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วัฒนธรรมที่แตกต่างของฝรั่งเศสกับไทย

31ธ.ค.
*เนื้อหาไม่ได้ถูกต้องเสมอไป เป็นเพียงบุคคลเท่านั้น 
๑.คนฝรั่งเศส ชอบสั่งน้ำมูกเสียงดัง บางทีเจอชายหนุ่มหล๊อหล่อ… แต่ดันสั่งน้ำมูกเสียงดัง…โอเคเลย ยิ้มค้างแหละข้าพเจ้า
๒.เรื่องของตด… อันนี้คนใกล้ตัวเลย ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เวลาอยากจะตด ก็เรียกว่า ปล่อยกันอย่างเสรีเลยทีเดียว
๓.เรื่องของการล้างจาน… ที่บ้านมีเครื่องล้างจาน แต่ชอบวางจานที่ใช้แล้ว รอจนกว่าจะเต็มเครื่องแล้วถึงจะล้างทีเดียว ซึ่งบางทีก็กินเวลาไปสองวัน… บางบ้านกินเวลาไปวันที่สาม… เอ่อ… สองวันก็ว่าแย่แล้ว
๔.หากล้างจานเพียงไม่กี่ใบ… คนที่นี่จะใช้น้ำยาล้างจานแบบพิเศษ ที่จุ่มน้ำเดียวแล้วเอาขึ้นมาเช็ดให้แห้ง โดยที่ไม่ล้างน้ำทิ้งแบบบ้านเราจนสะอาดจนแน่ใจอะไรประมาณนั้น หรือเค้าประหยัดน้ำกันขนาดนั้นนะ
๕.เรื่องการอาบน้ำ… ที่นี่จะอาบเพียงครั้งเดียวต่อวัน และอาบแบบรวดเร็วมาก ไม่ถึงห้านาทีก็เสร็จแล้ว
๖.เรื่องเสื้อผ้า… จะใส่ซ้ำอยู่ สาม ครั้งกันเลยทีเดียว…
๗.เรื่องกิน เป็นอันรู้กันว่า วัฒนธรรมการกินของฝรั่งเศสนั้นเป็นสเต็บ จะเริ่มจากของเบาๆ ก่อน แล้วตามด้วยเมนูหนัก เช่น ถ้ามีหน่อไม้ฝรั่งต้ม สลัดผัก แกะอบ ขนมปัง ชีส ก็จะไล่กันมาเป็นสเต็บ จะกินทีละเมนู
๘.เห็นหลายบ้านที่มีตู้เย็น ตู้แช่แข็ง ยิ่งกว่าร้านขายอาหารทะเล… แบบว่าอลังการสุดๆ สองตู้แช่ใหญ่ๆ สามตู้เย็นปกติ
รวมๆ แล้วก็ซัดไปสี่ห้าตู้กันเลยทีเดียว (ค่าไฟเท่าไหร่ไม่ต้องเดาให้ยาก) อาจเป็นว่า เก็บตุนเสบียงช่วงหน้าหนาว
๙.เรื่องประหยัด อันนี้เห็นทุกครัวเรือน ที่ต้องประหยัด หรือคนชาตินี้ ระมัดระวังเรื่องเงินกันทั้งประเทศก็ไม่รู้นะ ชาติอื่นเป็นหรือเปล่าไม่แน่ใจ แต่เมืองไทยเรา ก็ไม่คิดว่าจะต้องประหยัดกันมากมายก่ายกอง เช่น
เวลาที่ต้องการซื้อของกิน ผลไม้ ผักสด บ้านเราก็ซื้อกินกันจุใจ กินไม่หมดก็ทิ้งบ้างสำหรับผัก แต่ที่นี่ เห็นชัดๆ ว่าระมัดระวังและบริการควบคุม เรื่องผัก ได้อย่างไม่มีเหลือทิ้ง
๑๐.เรื่องของการใช้รถยนต์ ที่นี่เห็นว่ารถคันเล็กแล้ว ก็ยังมีเล็กกว่าที่เห็นอีก เรียกว่าแข่งกันเล็กก็ว่าได้ ในขณะที่บ้านเรา แข่งกันขับรถคันใหญ่โตมโหฬาร
๑๑.เรื่องการบริการ…คนที่นี่จะบริการตัวเองเป็นหลัก เช่น เติมน้ำมัน หรือไปช็อปปิ้งก็จะต้องไปเก็บรถเข็นเข้าที่เข้าทางห้ามทิ้งเกะกะ หรือ การที่เราจะแหลมหน้าเข้าไปช่วยเหลือใครบางคน
ต้องถามเค้าก่อนว่า เขาต้องการหรือเปล่า เนื่องจากมันจะเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว ในขณะที่บ้านเราเป็นการแสดงความมีน้ำใจ
และเรื่องของการบริการ บ้านเรานี่บริการสุดใจขาดดิ้นกันเลยทีเดียว ที่ฝรั่งเศสนี่ยาก!!!!
๑๒.เรื่องเวลาเปิดปิดห้าง สรรพสินค้า ที่นี่เปิดกันแค่ สองสามทุ่มในเมืองใหญ่ๆ ปิดเสาร์อาทิตย์ อีกต่างหาก
หลายเดือนก่อน ที่ โอบาม่า และศรีภรรยามาปารีส…. และโอบาม่าได้เอาเรื่องที่เค้าไม่สามารถหาที่เดินช็อปปิ้งกับครอบครัวในวันอาทิตย์…เอามาล้อ ซาโกซี่ เป็นเรื่องขบขันไป
ว่าวันอาทิตย์ไม่สามารถช็อปปิ้งในฝรั่งเศสได้
ยิ่ง ตจว แบบบ้านฉันนี่คาร์ฟูร์ปิดตั้งแต่ หกโมงเย็นไม่รู้จะรีบกันไปใหน ช่วงกลางวันก็ปิดนะจ๊ะ ตั้งแต่เที่ยง ถึง บ่ายสองโมงครึ่งแน่ะ
ถ้าเป็นเทศกาลปีใหม่ ก็ดี หรือเทศกาลต่างๆ บ้านเราจะเปิดห้างกัน ยันเที่ยงคืน หรือหลังเที่ยงคืนด้วยซ้ำ แต่ที่นี่จะกลายเป็นเมืองร้าง…. ทันที ตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง…
๑๓.เรื่องการอะลุ่มอล่วย… การที่เราจะมาเที่ยวต่างประเทศ ในฝรั่งเศสก็ดีหรือ ฝั่งยุโรปประเทศอื่น ต้องระมัดระวังเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวสูงมากๆ
เช่นการถ่ายรูป เคยดูรายการทีวีหนึ่ง คุณอี๊ด โปงลางสะออน ที่ไปเดินสายในต่างประเทศ จำไม่ได้ว่าประเทศใหน แต่เค้าไปถ่ายรูปเด็กน้อยน่ารัก ที่คุณแม่พามาเดินเล่นในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง
แล้วโดนคุณแม่ท่านนั้นโทรแจ้งตำรวจจับ คุณอี๊ดเลยทีเดียว
การถ่ายรูปไม่ใช่ว่าจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายตอนใหนก็ได้ ต้องดูตาม้าตาเรือนิดนึง ว่าควรจะต้องเลี่ยงๆ คนที่เค้าเดินผ่านไปมาสักหน่อย เพราะเค้าอาจหันกลับมาด่า
หรือ เดินมาแย่งกล้องถ่ายรูปของคุณไปลบภาพของเค้าออกกันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเป็นคนไทยเราจะสนุกสนานเวลาถ่ายรูปแบบไม่ได้แคร์สื่อ แต่มาฝรั่งเศสนี่ไม่ได้นะจ๊ะ ควรระมัดระวังให้มากในเรื่องนี้ เพราะเคยมีกรณีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปวิว ที่มีคนในวิวด้วย และคนในวิวนั้นแจ้งความจับนักท่องเที่ยวท่านนั้นเลยทีเดียวเชียวแหละ
หรือบางที เห็นเด็กน่ารักๆ ลูกใครก็ไม่รู้ แล้วเข้าไปคุยด้วย ไปจับแก้มจับมือลูกเค้า.. หรือเห็นหมาเห็นแมวน่ารัก เข้าไปอุ้มไปกอด
ขอบอกว่าเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมากๆ ในสายตาของคนที่นี่ เพราะเป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าไปเจอคนที่เค้าเคร่งๆ เค้าจะด่าได้อย่างแสบสันต์ ถึงทรวงเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น